คือ เหล็กกล้าประสมพิเศษ (Special Alloy Steel) ถูกพัฒนาให้มีความทนทานต่อการกัดกร่อน โดยมีการเพิ่มธาตุโครเมี่ยม (Chromium) ขั้นต่ำ 11%

SUS420J1_SUS420J2

เหล็กกล้าไร้สนิม (Stainless Steel) แบ่งออกเป็น 5 ประเภท ดังนี้ 

  1. Ferritic Stainless Steel (รู้จักกันในนาม Plain Chromium Steel) มีการเพิ่มธาตุโครเมี่ยม (Chromium) ประมาณ 12-18% และ มีปริมาณคาร์บอนต่ำมาก (Very Low Carbon)
  • ลักษณะเด่นของ Ferritic Stainless Steel คือ แม่เหล็กดูดติดได้ (Magnetic) ไม่สามารถทำ Heat Treatment เพิ่มได้ ทำได้เพียงการอบอ่อน (Annealing) เชื่อมได้ไม่ดี (Poor Weldability) ทนต่อการกัดกร่อนปานกลาง (Moderate Corrosion Resistance)
  • เกรด 430 – ราคาถูกที่สุด
  • เกรด 409 – ใช้ทำ ท่อไอเสียรถยนต์ เนื่องจาก ราคาถูก ทนต่อการกัดกร่อน และสามารถขึ้นรูปได้ง่าย (Excellent Formability)
  1. Austenitic Stainless Steel (รู้จักกันในนาม “18/8” มาจากส่วนผสม Chromium 18% และ Nickel 8%) มีการเพิ่มธาตุนิกเกิ้ล (Nickel) ทำให้เปลี่ยนโครงสร้างทางจุลภาค (Micro-structure) เรียกว่า “Austenite” ซึ่งจากปริมาณเหล็กกล้าที่ใช้ทั่วไปประมาณ 70%
  • ลักษณะเด่นของ Austenitic Stainless Steel คือ เชื่อมได้ดีเยี่ยม สามารถดัดและขึ้นรูปได้ ไม่สามารถทำ Heat Treatment เพิ่มได้ การขึ้นรูปเย็น (Cold Work) จะทำให้เหล็กแข็งขึ้น มีสมรรถนะ “ดีเยี่ยม” ที่อุณหภูมิต่ำ (Low Temperature) มีสมรรถนะ “ดี” (Good) ที่อุณหภูมิสูง (High Temperature) ทนต่อการกัดกร่อนได้ดีเยี่ยม (Excellent Corrosion Resistance) แม่เหล็กดูดไม่ติด (Non-Magnetic) หลังการอบอ่อน (Annealing) สามารถทำความสะอาดได้ดี (Excellent Cleanability) ถูกตามสุขลักษณะ (Hygienic)
  • เกรด 304 – นิยมใช้มากที่สุด (50% จากปริมาณการใช้ทั่วโลก) มีชื่อเสียงในด้าน “Marine Grade”
  • เกรด 316 – ใช้กับงานกลึงเหล็กท่อน (Machining Bar Grade)
  • เกรด 303 – สำหรับงานท่วไป
  1. Martensitic Stainless Steel (มีปริมาณคาร์บอนสูง (High Carbon) ประมาณ 0.1-1.2% คล้ายกับ Ferritic Stainless Steel หรือ Plain Chromium Steel ตรงที่มีส่วนผสมของโครเมี่ยม (Chromium) ประมาณ12-18%) เป็นเหล็กสแตนเลสชนิดแรก ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้ใช้ในงานทั่วไป เช่น อุปกรณ์ตัด
  • ลักษณะเด่นของ Martensitic Stainless Steel คือ แม่เหล็กดูดติดได้ (Magnetic) สามารถทำ Heat Treatment เพิ่มได้ ไม่สามารถ (Inability) ขึ้นรูปเย็น (Cold Work) เชื่อมได้ไม่ดี (Poor Weldability) ทนต่อการกัดกร่อนปานกลาง (Moderate Corrosion Resistance)เกรด 420 – นิยมใช้ในงานวิศวกรรมต่างๆ
  • เกรด 440C – มีความแข็งที่สุด ทนทานต่อการเสียดสีได้ดี
  1. Duplex Stainless Steel (มีโครงสร้างทางจุลภาคคล้ายทั้ง Ferritic และ Austenitic Stainless Steel ที่มีปริมาณโครเมี่ยมสูง (High Chromium) ระหว่าง 18-28%, นิกเกิ้ล (Nickel) มีปริมาณปานกลางที่5-8% ซึ่งปริมาณนิกเกิ้ล (Nickel) ที่ต่ำนี้ ไม่สามารถเปลี่ยนโครงสร้างเป็น Austenitic อย่างเต็มรูปแบบ แต่พิเศษกว่าตรงที่มีการใส่โมบิลินั่ม (Molybdenum) ประมาณ 2.5-4%
  • ลักษณะเด่นของ Duplex Stainless Steel คือ เชื่อมได้ดี สามารถขึ้นรูปได้ดี ทนทานต่อกรด Chloride เป็นพิเศษ ทนทานได้ดีต่อความเครียสจากการถูกกัดกร่อน มีความแข็งกว่าทั้ง Ferritic และ Austenitic Stainless Steel ทนต่อการกัดกร่อนได้ดีเยี่ยม (Excellent Corrosion Resistance)
  • เกรด 2205 – มีความทนทานต่อการกัดกร่อนดีเยี่ยม
  • เหมาะสำหรับใช้ทำ ตัวคลายอุณหภูมิ (Heat Exchangers), ถังบรรจุสารเคมี (Chemical Tanks), โรงกลั่นต่างๆ (Refinery)
  1. Precipitation (Hardening Grade) Stainless Steel มีค่าความแข็งแปรผัน (Precipitation Hardening) คล้ายกับ Martensitic, Semi-Austenitic หรือ Austenitic Stainless Steels ที่นำจุดเด่นของทั้ง Austenitic คือความทนทานต่อการกัดกร่อน และ Martensitic คือความสามารถในการทำ Heat Treatment เพิ่มได้มารวมไว้ด้วยกัน
  • ลักษณะเด่นของ Precipitation Stainless Steel คือ แม่เหล็กดูดติดได้ (Magnetic) เชื่อมได้ดี (Good Weldability) มีความแข็งสูงมาก (Very High Strength) ทนต่อการกัดกร่อนปานกลาง (Moderate Corrosion Resistance)
  • เกรด 17-4 PH (รู้จักกันในนาม 630) – ผ่านการอบอ่อน (Annealing/Solution Treated) มาแล้ว สามารถขึ้นรูป ก่อนนำไปชุบแข็ง (Hardening) ได้เพียงครั้งเดียว ที่อุณหภูมิต่ำอย่างช้าๆ (Low Temperature Ageing)

คุณสมบัติทางกายภาพ (Physical Properties)

  • ความแข็งแรง (High Strength)
Type of Stainless SteelTensile StrengthYield Strength
 Austenitic600250
Duplex700450
Ferritic500280
Martensitic650350
Precipitation Hardening11001000

 

  • อายุการใช้งาน (Long Life Cycle)
  • ความสวยงาม (Aesthetic Appeal)
  • ความสะดวกในการขึ้นรูป (Ease of Fabrication)
  • ค่าความเป็นแม่เหล็ก (Low Magnetic Permeability)
  • ความสะอาดตามสุขลักษณะ (Hygiene and Ease of Cleaning)
  • ความสามารถในการนำกลับมาใช้ใหม่ (Recyclable~50-80%)
  • ความทนทานต่ออุณหภูมิสูง/ต่ำ (Extreme Temperature Resistance)
  • ความทนทานต่อการกัดกร่อนดี (Corrosion Resistance)
    • Low Alloy – ทนทานต่อการกัดกร่อนปรกติ
    • High Alloy – ทนทานต่อการกัดกร่อนของ กรดทั่วไป (Acids), กรดอัลคาไลด์ (Alkaline Solutions) และ กรดคลอไรด์ (Chloride)